วันที่ 19 ก.ค. 67 ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนครบาล ควบคุมตัวนายพงษ์ศธร หรือบาส มะหะมาน อายุ 26 ปี ผู้ต้องหา พร้อมรถยนต์เก๋งของกลางที่ใช้หลบหนี โดยพบขวดน้ำกระท่อม จำนวน 7 ขวด วางอยู่เบาะหลังภายในรถ เพื่อนำตัวมาให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. สอบปากคำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายพงษ์ศธร ฯ ลงจากรถนั้น ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงสาเหตุที่ก่อเหตุ แต่นายพงษ์ศธร ฯเดินก้มหน้า และไม่ตอบคำถามใด ๆ ต่อสื่อมวลชน
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า ทำการซักถามด้วยตนเอง ถึงสาเหตุหารก่อเหตุ โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปเก็บภาพด้านใน ภายหลังการซักถามประมาณครึ่งชั่วโมง ได้ออกมาเปิดเผยผลการแถลงผลการปฏิบัติ ว่า จากการสอบสวนผู้ก่อเหตุ รับสารภาพว่า การชิงทรัพย์ร้านทองไม่ใช่ครั้งแรก
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวอีกว่า ว่า สาเหตุที่ก่อเหตุ เนื่องจากต้องการเงินไปซื้อยาเสพติด เคตามีน ) และใช้จ่ายทั่วไป โดยภายหลังจากการชิงทอง ได้นำทองคำ จำนวน 4 บาทไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่ง และเงินที่ได้มาซื้อรถยนต์เพื่อใช้ในการหลบหนี และซื้อ เคตามินมาไว้เพื่อเสพ
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ กล่าวต่อว่า ผู้ต้องหายังให้การสารภาพต่อว่า ก่อเหตุเพียงคนเดียวและที่เลือกร้านทองเนื่องจากมีทำเลทำเลที่ค่อนข้างที่จะหลบหนีง่าย ไม่มีประตูเหล็กหรือระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา ส่วนประเด็นที่ว่าการเล่นเกมของผู้ต้องหามีผลต่อการก่อเหตุครั้งนี้หรือไม่ ส่วนตัวมองว่าการเล่นเกมไม่ได้มีผลโดยตรงกับการก่อเหตุ แต่น่าจะเป็นนิสัยส่วนตัวของผู้ก่อเหตุมากกว่า /หลังจากนี้ต้องมีการขยายผลในเรื่องของยาเสพติดว่า ผู้ต้องหาไปซื้อยาเสพติดมาจากใครและขยายผลในเรื่องของทองคำที่นำไปขายว่าเหตุใดร้านทองจึงรับซื้อต่อ
ทั้งนี้หลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถติดตามทรัพย์สินของกลาง มาได้จำนวนหนึ่ง ประกอบด้วยทองคำ จำนวน 22 เส้น เส้นละ 1 บาท เงินสดที่เหลือจากการขายทอง ประมาณ 10,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และเคตามีน 43.21กรัม
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวอีกว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่า ก่อนเกิดเหตุ ได้ไปยืมรถจักรยานยนต์ กับเพื่อนที่ร้านเกม ย่าน ร่มเกล้า แล้วขับขี่ไปก่อเหตุ จากนั้นได้ ขับวนดูที่ เกิดเหตุ 1 รอบ โดยแต่งกายเสื้อยืดแขนสั้น สีดำ สวมหมวกสีแดง ส่วนสาเหตุ ที่เลือกร้าน นี้เนื่อง จากใกล้ประตู ทางออก และหลบหนีได้ง่าย ซึ่ง ขณะก่อเหตุ สวมเสื้อคลุม แขนยาว สีดำ สวมแมสพร้อมอาวุธคือหน้าไม้ ขณะก่อเหตุโดยยัง ไม่ทราบว่าได้ทองไปเท่าไหร่ จากนั้นขับขี่รถ จักรยานยนต์ หลบหนีไป เปลี่ยนชุดที่ บ้านและ ได้เอาทองไป จำนำที่โรงจำนำแห่งหนึ่ง ได้เงิน สด 130,000 บาท หลังจากนั้นเอารถจักรยาน ยนต์ ไปคืนเพื่อน แล้วนั่งแท็กซี่ เพื่อไปซื้อรถ เก๋ง มือสองด้วยเงินสด
จากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหารายนี้เคยก่อเหตุ มาแล้ว 3 ครั้ง 1.ชิงทรัพ์ย์ปั๊มน้ำมัน บางจาก โดยใช้าวุธมีด ซอยกาญจนาภิเษก 12 เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.67 เวลา 20.21 น. ได้ทรัพย์สินไป 5,410 บาท 2.ชิงทรัพย์ร้านซีเจ เอ็กเพลส ใช้อาวุธมีด ซอยกาญจนาภิเษก 12 เมื่อวันที่ 13 ก.ค.67 เวลา 19.57 น. ได้ทรัพย์สินไป 3,700 บาท และ 3.ชิงทรัพย์ร้านเซเว่นฯ ใช้อาวุธมีด ซอยกาญจนาภิเษก 13 เมื่อวันที่ 15 ก.ค.67 เวลา 23.07 น ได้ทรัพย์สินไป 5,157 บาท แต่ไม่เคยถูกจับกุมและมาก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทอง กระทั่งถูกจับกุมในคดีนี้
ทั้งนี้ พล.ต.ต.ธีรเดช ฝากสำหรับร้านค้า หรือผู้ประกอบการร้านใด ที่ถูกผู้ก่อเหตุ เคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาก่อน สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ สน.มีนบุรี และสน.บางชัน เพราะเชื่อว่าผู้ต้องหาไม่น่าจะเคยลงมือแค่ 4 ครั้ง เนื่องจากผู้ต้องหามีวิวัฒนาการก่อเหตุมาหลายครั้ง
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ นครบาล รายงาน