“พิธา” เชื่อ “เท้ง ณัฐพงษ์” นำพรรคประชาชนได้ดี ไม่แปลก “ธนาธร” มีบทบาทมากขึ้น ไม่หวั่นดาบสองคดี 44 สส. ชี้โทษตัดสิทธิ์ไม่ยุติธรรม
วันที่ 11 ส.ค. 2567 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกภายหลังพรรคประชาชนเปิดตัว ว่า ในฐานะประชาชนและในฐานะผู้ร่วมงานก็ไม่ได้เกินความคาดหมาย มั่นใจว่าพรรคประชาชนจะสามารถที่จะบริหารจัดการได้ โดยวิถีทางของพรรค และรู้สึกไม่ได้เป็นเรื่องน่ากังวลใจตั้งแต่ต้น
เมื่อถามว่าจนถึงวันนี้หลังถูกยุบพรรครู้สึกอย่างไรบ้าง นายพิธา กล่าวว่า ส่วนตัวเบาใจ สบายใจ แต่หากให้พูดถึงส่วนรวมก็รู้สึกหนักใจกับระบบการเมือง ระบบสังคม และระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากมีปัญหาต้องแก้ไขเยอะ
“ส่วนตัวรู้สึกสบายใจดี เมื่อเช้าได้ออกกำลังกายเต็มที่ มันก็เลยเป็นความรู้สึกที่บอกยากนิดหนึ่ง ส่วนตัวก็อย่างหนึ่ง ส่วนรวมก็อีกความรู้สึกหนึ่ง” นายพิธา กล่าว
เมื่อถามว่าเห็นนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ออกสื่อแล้ว ถือว่าพอไปได้หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไปได้ดีแน่นอน เพราะตนรู้จักนายณัฐพงษ์มานานมาก ตั้งแต่เริ่มทำการเมืองด้วยกัน
ดังนั้น ไม่มีอะไรต้องห่วงหรือต้องฝาก เชื่อว่าเขาจะทำได้ดีแน่นอนอยู่แล้ว ซึ่งวันนี้ตนมาช่วยผู้สมัครนายก อบจ.ราชบุรี ในนามผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน คงต้องปราศรัยถึงนายณัฐพงษ์ และนายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชนด้วย เพื่อให้ประชาชนมั่นใจถึงการทำงานแบบไร้รอยต่อ ทั้งในสภาและในพื้นที่
ผู้สื่อข่าวถามว่าคนยังติดภาพนายพิธาเป็นคนนำทัพพรรคอยู่ นายพิธา กล่าวว่า “โอ๊ย ผมว่าไม่จริงเลยครับ จากตัวเลข สถิติ หรือการตอบรับจากประชาชน ก็สะท้อนอยู่แล้วว่าไม่ได้ยึดติดกับผม”
เมื่อถามว่ามีอะไรที่เป็นเทคนิคอยากจะแนะนำนายณัฐพงษ์หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่มีอะไรต้องแนะนำ เพราะปกติเขาจะเป็นคนแนะนำตน ตอนสมัยตนเป็นหัวหน้า แล้วตนฝากคำถามว่าตนต้องการทำแบบนี้ คุณช่วยไปหาคำตอบมาให้หน่อย เดี๋ยวตนจะเล่าให้ฟังว่านายณัฐพงษ์ทำให้ตนประทับใจอย่างไร ทั้งนายณัฐพงษ์และนายศรายุทธิ์ มีความคล้ายกันอยู่ แต่ก็มีความต่างที่ลงตัว
เมื่อถามว่าทั้งนายณัฐพงษ์ และนายศรายุทธิ์ สนิทสนมกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ทำให้นายธนาธรอาจมีบทบาทมากขึ้นในพรรคประชาชน นายพิธา กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะทุกคนสนิทกันหมด 3 ท.ทหาร ด้วยการทำงานอย่างหนัก การแลกเปลี่ยนกันจนกลายเป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงาน ครอบครัวของนายณัฐพงษ์กับครอบครัวของตนก็สนิทกัน จนกลายเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ไปแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกว่าใครจะมาเพิ่มบทบาท เพราะพรรคนี้ทำงานเป็นทีม
เมื่อถามย้ำว่า หากพูดถึง 3 ท. กังวลหรือไม่ว่า ท.ที่ 3 จะโดนทุบทำลาย นายพิธา กล่าวว่า ไม่กังวล แต่ไม่ประมาท ตอนแรกก็คิดในลักษณะสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็ยังมีความรู้สึกว่า ยังมีความพยายามที่จะทำลายล้างกันอยู่
ดาบสองก็ยังมีโอกาสตัดสิทธิ์ตน จากกรณี สส. 44 คน ร่วมลงชื่อเสนอร่างกฎหมายแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีโทษตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต
ฉะนั้น จึงเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องทำความเข้าใจ และต่อสู้ให้เห็นว่าในฐานะผู้เสนอกฎหมายในฐานะสส. เป็นเรื่องปกติ และแน่นอนว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาด แต่เราก็เตรียมตัวให้หนักกว่าเดิม
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่า กรณี 44 สส. จะทำให้พรรคประชาชนไปได้ไม่ถึงปี นายพิธา กล่าวว่า ไม่กังวล ซึ่งกระบวนการเตรียมการเข้าไต่สวน ก็เป็นไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ตนคิดว่าก่อนที่ลงรายละเอียดไปถึงภาพย่อย เราต้องดูภาพใหญ่ก่อนว่า เวลาเราลงโทษใคร ต้องดูที่ความผิดกับสัดส่วนของโทษ
“ถ้าฐานความผิดหมิ่นประมาท ลักขโมย ยาเสพติด แล้วโทษที่ได้รับเป็นประหารชีวิต ผมว่าตรงนี้มันไม่ได้สัดส่วนกัน ถ้าเกิดจะบอกว่าผิดที่จริยธรรม คราวนี้จริยธรรมของผม จริยธรรมของเขา หรือจริยธรรมของคนที่อยู่ในที่นี้ มันไม่เหมือนกัน
ฉะนั้น แทนที่จะตัดสิทธิ์กันผมก็เห็นว่ามันไม่ยุติธรรมกับเพื่อน สส.ในอดีตหลายคนที่ผ่านมา ทั้งที่เป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล เขาผิดแค่นี้ แล้วเล่นแบบนี้ ไม่มีกฎหมายเอาผิดพวกเขาได้ด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้ใครจะเป็นตำรวจจริยธรรม มันทำให้สังคมอันตราย” นายพิธา กล่าว
เมื่อถามว่าคำตัดสินคดียุบพรรคจะทำให้เป็นเชื้อเพลิง คดี 44 สส. ที่ให้ ป.ป.ช.ฟันได้เร็วขึ้นนั้น นายพิธา กล่าวว่า ต้องไปดูคำวินิจฉัยของตุลาการทั้ง 9 ท่าน ตอนนี้ยังไม่สามารถตอบได้
เมื่อถามว่ากรณีที่พรรคประชาชนประกาศไม่ลดเพดานแก้ไข ม.112 จะทำให้พรรคเดินไปยากหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตนตอบแทนพวกเขาไม่ได้ แต่เชื่อว่าเขามีคำตอบ